จิต (ศาสนาพุทธ)
จิต หมายถึงสิ่งที่เรียกว่าอยู่นอกเหนื่อความคิด เหตุผล ตรรกะ จิตสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความคิด
กับปัญญาญาณ
พระพุทธศาสนาจำกัด ความคำว่า จิต ไปในทางธาตุรู้หรือธาตุคิด ที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงไปตามองค์ประกอบหรือคุณภาพต่าง
ๆ ที่เรียกว่า เจตสิก
กระบวนการนี้เกิดดับไปตามแต่ที่จิตจะเหนี่ยวสิ่งใดขึ้นมาจับไว้ จิตจึงเป็นความคิดที่เกิด
ๆ ดับ ๆ ในอภิธรรมกล่าวว่ามี 89 หรือ 121 คุณลักษณะ มีลักษณะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามการปรุงแต่งของเจตสิก ส่วนใหญ่ใช้คู่กับคำว่า
ใจ แต่คำว่าใจเมื่อประสมกับคำอื่นมักจะบ่งถึงสภาพความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง มากกว่าจะเป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดดับ
ตัวอย่างเช่น เสียใจ บ่งสภาพความเศร้าโศก ดีใจบ่งสภาพความดียินดี ในที่นี้คำว่าใจจึงบอกถึงสภาพของสิ่งหนึ่ง
ที่เป็นศูนย์กลางของความรู้สึกมากกว่าจะเป็นกระบวนการของความคิด เหมือนอย่างคำว่า
จิต
ในทางพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าจิตเป็นตัวตนที่แท้จริงแต่ถือว่าเป็นสิ่งที่
อาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดขึ้น ตามกฎแห่งอนัตตา (ทุกสิ่งไม่ตัวตนที่จริงแท้)
คือไม่มีตัวตนอันเป็นแก่น เหมือนต้นไม้ย่อมอาศัยดิน ราก ใบ แสงแดด อากาศ กิ่ง ทำให้มีตัวตนที่เรียกว่าต้นไม้ขึ้น
สรรพสิ่งดูเหมือนมีตัวตนเพราะอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เมื่อแยกออกก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
เช่นเดียวกับจิตอย่างไม่มีข้อยกเว้น จิตดำรงอยู่ได้ด้วยการอิงอาศัยกันของสิ่งที่เรียกว่าเจตสิกอันเป็นองค์
ประกอบของจิต ประกอบกันเป็นกระบวนการทำงานทั้ง7อย่างเรียกว่า
ธรรมธาตุ๗ ที่กำเนิดขึ้นตามกลไกมหาปัฏฐาน (ปัจจัย๒๔) ที่เป็นไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาทโดยจะหมดเหตุแห่งกระบวนการทางจิตเมื่อกำจัดอวิชชาสังโยชน์ จิตเหมือนรถยนต์การที่จะเป็นรถขี่ได้ ๑ คัน
กลไกต่างๆย่อมต้องอยู่ในที่ๆเหมาะสม หรือเหมือนคอมพิวเตอร์ย่อมอาศัยโปรแกรมหลายๆโปรแกรมประกอบกันขึ้น
มหาปัฏฐานเหมือนโปรแกรม (ยกขึ้นเป็นตัวอย่างเท่านั้น) เพียงแต่กระบวนการทางธรรมชาติย่อมใช้เวลาให้กฎแห่งเหตุผลทางธรรมชาติ (กฎนิยาม) เกี่ยวเนื่องกัน สมบูรณ์ตามรูปแบบจิตเหมือนในคัมภีร์มหาปัฏฐานจนเหมาะสมที่จะเป็นกระบวนการ
ทางจิตที่ซับซ้อนอันเป็นต้นกำเนิดของจิตอันเป็นบ่อเกิดให้มีการเวียนว่ายตาย เกิด
จิตนั้นมีสภาวะเดียวแต่มี 4 ชื่อที่ท่านแจงเพื่อความเข้าใจในบทบาทนั้นๆของจิต
คือ
1.
จิต
มาจากการที่เป็นสิ่งที่ถูกปรุงแต่งได้ เช่นคำว่าวิจิตร
หมายเอาสภาวะของจิตที่แปรปรวนตามเจตสิกที่เข้ามาประกอบเป็น 89 อาการ
2.
วิญญาณ
มาจากคำว่ารู้แจ้ง หมายเอา จิตที่ทำหน้าที่รับรู้ทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
3.
มโน
มาจากคำว่านโม ความน้อมน้อม มาเป็นความน้อมรู้ หมายเอากิริยาที่จิตให้ความสนใจต่อสิ่งใด
หรือมุ่งหวังสนใจสิ่งใดเป็นสำคัญ เช่น มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา
ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ
4.
ภวังค์
มาจากคำว่าองค์แห่งการเกิดภพ หรือตัวเกิด หมายเอากระบวนการของจิต
ที่มีการเกิดหรือปฏิสนธิจิต ชวนะจิตต่างๆ ก็จะมาจบที่ภวังคจิตอันเป็นข้อมูลทั้งปวงของจิตหรือจิตใต้สำนึก
ที่จะส่งต่อข้อมูลไปยังจิตดวงใหม่ก่อนที่จิตดวงเก่าจะดับ จึงมักใช้ในความหมายของจิตใต้สำนึกของจิต
แต่แม้จะมี 4 ชื่อแต่ก็เป็นสิ่งเดียวกัน
แยกชื่อเพื่อใช้ในความที่จิตไปเกี่ยวข้องในด้านนั้นๆเท่านั้น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น