วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

จิตว่าง

จิตว่าง หมายถึง จิตที่ถูกฝึกดีแล้ว เพราะมีสติ ปัญญาควบคุม เมื่อ จิตสงบแล้ว ปัญญาจะใช้ให้จิตคิด พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ให้รู้แจ้ง เห็นจริง ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสอนไว้ ที่เรียกว่า "พระธรรม"
 
ตัวอย่างเช่น ท่านสอนให้เรารู้ว่า เรามีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำจิตเราอยู่ ผู้ใดที่มีกิเลสทั้งสามอย่างนี้ ครอบงำอยู่มากก็จะเป็นทุกข์มาก ผู้ใดมีกิเลสครอบงำจิตอยู่น้อย ก็จะมีความทุกข์น้อย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสอนวิธีการชำระกิเลสให้หมดจากจิต ไว้มากมายหลายวิธีด้วยกัน แล้วแต่ผู้ใดจะนำบทใดบทหนึ่ง ที่สมควรกับตนมาพิจารณา และปฏิบัติตาม เมื่อชำระกิเลสให้หมดจากจิตแล้ว จิตก็ไม่เป็นทุกข์ จิตจึงว่าง จากความร้อนรนกระวนกระวาย กระสับกระส่าย ฟุ้งซ่าน จิตจะมีอารมณ์ที่เป็นอุเบกขา คือ เป็นกลางไม่ทุกข์ไม่สุข เพราะจิตไม่มีกิเลสครอบงำ นี่คือ ความหมายของคำว่า จิตว่าง (ว่างจากกิเลส)
 
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ จะเห็นได้ว่า จิตสงบ กับจิตว่างแตกต่างกันจริง ยังมีผู้ที่เข้าใจผิดอยู่มาก ว่าจิตสงบกับจิตว่างนั้นเหมือนกัน
 
ขอให้ท่านลองพิจารณาดูว่า จิตของท่านเคยสงบ หรือว่างบ้างหรือยัง ถ้ายังขอให้ท่านฝึกสมาธิเพื่อให้จิตสงบ และเจริญวิปัสสนา คือการนำพระธรรมคำสอนของพระผู้มี พระภาคเจ้า มาพิจารณาไตร่ตรอง ให้เกิดปัญญา ที่รู้แจ้งเห็นจริง เพื่อนำมาชำระกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้หมดจากจิตของท่าน และท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเองว่า จิตของท่านว่างจากกิเลส คือความโลภ ความโกรธ ความหลง ในที่สุดท่านก็จะเห็นจิตสงบและจิตว่าง พ้นจากความทุกข์  มีแต่ความสบายตลอดไป
 
 http://www.prd.go.th

จิต (ศาสนาพุทธ)



จิต (ศาสนาพุทธ)
จิต หมายถึงสิ่งที่เรียกว่าอยู่นอกเหนื่อความคิด เหตุผล ตรรกะ จิตสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความคิด กับปัญญาญาณ
พระพุทธศาสนาจำกัด ความคำว่า จิต ไปในทางธาตุรู้หรือธาตุคิด ที่มีกระบวนการเปลี่ยนแปลงไปตามองค์ประกอบหรือคุณภาพต่าง ๆ ที่เรียกว่า เจตสิก กระบวนการนี้เกิดดับไปตามแต่ที่จิตจะเหนี่ยวสิ่งใดขึ้นมาจับไว้ จิตจึงเป็นความคิดที่เกิด ๆ ดับ ๆ ในอภิธรรมกล่าวว่ามี 89 หรือ 121 คุณลักษณะ มีลักษณะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามการปรุงแต่งของเจตสิก ส่วนใหญ่ใช้คู่กับคำว่า ใจ แต่คำว่าใจเมื่อประสมกับคำอื่นมักจะบ่งถึงสภาพความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง มากกว่าจะเป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดดับ ตัวอย่างเช่น เสียใจ บ่งสภาพความเศร้าโศก ดีใจบ่งสภาพความดียินดี ในที่นี้คำว่าใจจึงบอกถึงสภาพของสิ่งหนึ่ง ที่เป็นศูนย์กลางของความรู้สึกมากกว่าจะเป็นกระบวนการของความคิด เหมือนอย่างคำว่า จิต
ในทางพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าจิตเป็นตัวตนที่แท้จริงแต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ อาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดขึ้น ตามกฎแห่งอนัตตา (ทุกสิ่งไม่ตัวตนที่จริงแท้) คือไม่มีตัวตนอันเป็นแก่น เหมือนต้นไม้ย่อมอาศัยดิน ราก ใบ แสงแดด อากาศ กิ่ง ทำให้มีตัวตนที่เรียกว่าต้นไม้ขึ้น สรรพสิ่งดูเหมือนมีตัวตนเพราะอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เมื่อแยกออกก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เช่นเดียวกับจิตอย่างไม่มีข้อยกเว้น จิตดำรงอยู่ได้ด้วยการอิงอาศัยกันของสิ่งที่เรียกว่าเจตสิกอันเป็นองค์ ประกอบของจิต ประกอบกันเป็นกระบวนการทำงานทั้ง7อย่างเรียกว่า ธรรมธาตุ๗ ที่กำเนิดขึ้นตามกลไกมหาปัฏฐาน (ปัจจัย๒๔) ที่เป็นไปตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาทโดยจะหมดเหตุแห่งกระบวนการทางจิตเมื่อกำจัดอวิชชาสังโยชน์ จิตเหมือนรถยนต์การที่จะเป็นรถขี่ได้ ๑ คัน
กลไกต่างๆย่อมต้องอยู่ในที่ๆเหมาะสม หรือเหมือนคอมพิวเตอร์ย่อมอาศัยโปรแกรมหลายๆโปรแกรมประกอบกันขึ้น มหาปัฏฐานเหมือนโปรแกรม (ยกขึ้นเป็นตัวอย่างเท่านั้น) เพียงแต่กระบวนการทางธรรมชาติย่อมใช้เวลาให้กฎแห่งเหตุผลทางธรรมชาติ (กฎนิยาม) เกี่ยวเนื่องกัน สมบูรณ์ตามรูปแบบจิตเหมือนในคัมภีร์มหาปัฏฐานจนเหมาะสมที่จะเป็นกระบวนการ ทางจิตที่ซับซ้อนอันเป็นต้นกำเนิดของจิตอันเป็นบ่อเกิดให้มีการเวียนว่ายตาย เกิด
จิตนั้นมีสภาวะเดียวแต่มี 4 ชื่อที่ท่านแจงเพื่อความเข้าใจในบทบาทนั้นๆของจิต คือ
1.               จิต มาจากการที่เป็นสิ่งที่ถูกปรุงแต่งได้ เช่นคำว่าวิจิตร หมายเอาสภาวะของจิตที่แปรปรวนตามเจตสิกที่เข้ามาประกอบเป็น 89 อาการ
2.               วิญญาณ มาจากคำว่ารู้แจ้ง หมายเอา จิตที่ทำหน้าที่รับรู้ทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
3.               มโน มาจากคำว่านโม ความน้อมน้อม มาเป็นความน้อมรู้ หมายเอากิริยาที่จิตให้ความสนใจต่อสิ่งใด หรือมุ่งหวังสนใจสิ่งใดเป็นสำคัญ เช่น มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ
4.               ภวังค์ มาจากคำว่าองค์แห่งการเกิดภพ หรือตัวเกิด หมายเอากระบวนการของจิต ที่มีการเกิดหรือปฏิสนธิจิต ชวนะจิตต่างๆ ก็จะมาจบที่ภวังคจิตอันเป็นข้อมูลทั้งปวงของจิตหรือจิตใต้สำนึก ที่จะส่งต่อข้อมูลไปยังจิตดวงใหม่ก่อนที่จิตดวงเก่าจะดับ จึงมักใช้ในความหมายของจิตใต้สำนึกของจิต
แต่แม้จะมี 4 ชื่อแต่ก็เป็นสิ่งเดียวกัน แยกชื่อเพื่อใช้ในความที่จิตไปเกี่ยวข้องในด้านนั้นๆเท่านั้น


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมาธิ



สมาธิ   คือการฝึกฝนทางจิตหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป้าหมายคือ ก่อให้เกิดการตระหนักรู้ตนเอง และจิตสำนึกต่อการทำงาน
การทำสมาธิโดยทั่วไปมักเป็นการฝึกหัดส่วนบุคคล ยกเว้นในบางกรณีเช่น การสวดมนต์ ผู้ฝึกสมาธิส่วนใหญ่ มักจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็นลมหายใจ การเพ่งวัตถุต่าง ๆ หรือแม้แต่การจดจ่อกับกิจกรรมที่กระทำ การทำสมาธิ มักเกี่ยวกับการปลูกฝังความรู้สึกหรือความเชื่อมั่นภายใน อาจจะเป็นการตั้งเป้าหมาย หรือ อาจจะหมายถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงก็ได้
การมีจิตใจที่เข้มแข็ง รู้จักไตร่ตรองความคิดให้ถูกต้อง
รูปแบบการฝึกสมาธินั้นมากมายและมีความหลากหลาย คนทั่วไปอาจจะเข้าใจคำว่า "สมาธิ" ในบริบทที่แตกต่างกัน การทำสมาธินั้นมีมาตั้งแต่โบราณและ การฝึกฝนสืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นองค์ประกอบของประเพณีทางศาสนา ในประเพณีจิตวิญญาณตะวันออก เช่น ศาสนาฮินดู และ พุทธศาสนา แม้ในประเทศแถบตะวันตกบางแห่งก็เช่นกัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี